แหลกสลาย เพื่อนบ้านแจ้งข่าวเศร้า ระเบิดยิวถล่มบ้าน ลูกแฝด-ภรรยาดับสลด 3 ศพ
หัวใจพ่อแหลกสลาย ไปรับสูติบัตร ก่อนเพื่อนบ้านแจ้งข่าวเศร้า ระเบิดยิวถล่มบ้าน สลดลูกแฝด-ภรรยาดับสลด 3 ศพ
สำนักข่าวต่างประเทศ ซีเอ็นเอ็น รายงานเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อคุณพ่อชาวปาเลสไตน์ได้รับแจ้งข่าวร้ายจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสถานพยาบาล ขณะไปรับสูติบัตรของลูก บ้านของเขาถูกกองทัพอิสราเอลโจมตี คร่าชีวิตทั้งภรรยาและลูกแฝดวัยเพียง 3 วันทั้งหมด
ตามรายงานเผยว่า นายโมฮัมหมัด อาบู อัล กุมซาน ผู้เป็นพ่อ อาศัยอยู่ในเมืองเดอาร์ อัล-บาลาห์ ทางตอนกลางของฉนวนกาซา ถูกโจมตีจากกองทัพอิสราเอล ส่งผลให้ลูกฝาแฝดชายหญิง รวมถึงภรรยาที่อยู่ในบ้านเสียชีวิตทั้งหมด โดยคลิปวิดีโอเผยให้เห็นผู้เป็นพ่อถึงกับทรุด เป็นลมกองกับพื้น หลังได้รับแจ้งข่าวร้ายจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ขณะที่เขาไปรับสูติบัตรของลูกแฝด
ขณะเดียวกัน ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล นายอัล กุมซาน ผู้เป็นพ่อได้คุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างผู้เสียชีวิต โดยมีร่างภรรยาของเขา ซึ่งเป็นเภสัชกร และลูกฝาแฝด อยู่ร่วมกับร่างผู้เสียชีวิตรายอื่นอีกอย่างน้อย 23 ราย รวมถึงทารกวัย 9 เดือนที่เสียชีวิตจากการโจมตีหลายครั้งของอิสราเอลในพื้นที่นั้น
ด้านผู้เป็นพ่อ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวของเขาได้อพยพไปยังอพาร์ทเมนต์ในเมืองเดอาร์ อัล-บาลาห์ ตามคำสั่งของอิสราเอล เพื่อหนีการยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องที่โจมตีในฉนวนกาซา และหวังปกป้องครอบครัวของเขา
โดยไม่กี่วันก่อนหน้าเขาเพิ่งโพสต์รูปลูกน้อยฝาแฝดทั้งสอง พร้อมระบุว่าลูกๆเขาเหมือนเป็น “ปาฏิหาริย์” ก่อนจะมาเจอเหตุสุดแสนสะเทือนใจขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของทางการอิสราเอล ระบุว่า อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางทหารเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 หลังจากกลุ่มฮามาส ซึ่งปกครองฉนวนกาซา โจมตีอิสราเอลทางตอนใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,200 ราย และมีผู้ถูกลักพาตัวอีกกว่า 250 ราย
ขณะที่ ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า นับตั้งแต่เกิดการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซาได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปเกือบ 40,000 ราย ในที่นี้ได้คร่าชีวิตเด็กไปมากกว่า 16,400 ราย ซึ่ง 115 รายเป็นทารกแรกเกิด และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 92,000 ราย
นอกจากนี้ ตามข้อมูลของ UNRWA สำนักงานบรรเทาทุกข์ และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้พลัดถิ่นอย่างน้อย 1.9 ล้านคน รวมถึงประชากรทั้งประเทศกว่า 2.2 ล้านคนต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บ