News

นศ.ชายร้อง เข้าค่ายต้านยาเสพติด ครูฝึกสั่งให้ล่อนจ้อน ตรวจฉี่ต่อหน้านศ.หญิง ทำอับอาย

นศ.ชายร้อง เข้าค่ายต้านยาเสพติด ครูฝึกสั่งให้ล่อนจ้อน ตรวจฉี่ต่อหน้านศ.หญิง ทำอับอาย

นศ.ชายร้อง เข้าค่ายต้านยาเสพติด ครูฝึกสั่งให้ล่อนจ้อน ตรวจฉี่ต่อหน้านศ.หญิง ทำอับอาย ขณะที่ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ เชิญผู้ปกครองและนักศึกษาและหาทางออกร่วมกัน

วันที่ 19 ส.ค.2567 นายเอ(นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอวชิรบารมี จ.พิจิตร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.อภิเษก จินะวงศ์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิจิตร ว่าเมื่อวันที่ 13-14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา คณะครูของ กศน. ได้นำนักศึกษาจำนวน 100 คน ไปทำการ เข้าค่ายลูกเสือตามโครงการต้านยาเสพติดด้วยกระบวนการลูกเสือ ที่ค่ายทหาร สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก

โดยเมื่อไปถึงสนามค่ายทหารดังกล่าว ได้มีทหารเป็นครูฝึกประมาณ 3-4 นาย เข้ามารับนักศึกษาทั้งหมดจากคุณครู และสั่งให้เข้าแถวจากนั้นแยกเพศชาย-หญิง โดยชายอยู่ด้านหน้า ส่วนหญิงอยู่ด้านหลัง และให้เข้าแถวแบบหลังชนกัน ระยะห่างพอสมควรจากนั้นได้ทำการตรวจกระเป๋านักศึกษาเพื่อตรวจค้นอาวุธ และสิ่งเสพติดต่างๆของนักศึกษา

พร้อมเก็บโทรศัพท์ของนักศึกษาทุกคนก่อนเข้าค่าย แต่ประเด็นมีอยู่ว่าในช่วงการตรวจปัสสาวะนั้น ครูฝึกทหาร สั่งให้นักศึกษา ยืนเข้าแถวครั้งละ 8 คน และให้นักศึกษาชายถลกกางเกงลง และให้ควักอวัยวะเพศออกมาจากกางเกงชั้นใน และให้ฉี่ใส่ถุงซองชุดตรวจปัสสาวะ ต่อหน้าคณะครูฝึก และครูผู้สอนที่สังเกตการณ์อยู่

นศ.ชายร้อง เข้าค่ายต้านยาเสพติด ครูฝึกสั่งให้ล่อนจ้อน ตรวจฉี่ต่อหน้านศ.หญิง ทำอับอาย

นศ.ชายร้อง เข้าค่ายต้านยาเสพติด ครูฝึกสั่งให้ล่อนจ้อน ตรวจฉี่ต่อหน้านศ.หญิง ทำอับอาย

รวมทั้งต่อหน้านักศึกษาชาย-หญิงทั้งหมด หนึ่งร้อยคน ซึ่งการตรวจปัสสาวะดังกล่าว ทำแบบที่โล่งแจ้งไม่มีที่กำบัง หรือเครื่องกั้นที่ถูกต้องตามกระบวนการตรวจฉี่ คือสั่งให้นักศึกษาชายควักอวัยวะเพศออกมาฉี่กลางสนามในที่โล่งแจ้ง ซึ่งการตรวจปัสสาวะชายนั้นจะกระทำเหมือนกันทุกคน

ทั้งนี้การที่ออกมาแจ้งความครั้งนี้ รู้สึกอับอาย ต่อหน้าสาธารณชน และขบวนการตรวจปัสสาวะดังกล่าวกระทำไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งปิดกั้นหรือไม่ให้ผู้อื่นผู้ใดเห็นร่างกายหรือเห็นก้นเห็นอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นการอนาจาร ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล ทำให้รู้สึกอับอาย และมีการโดนล้อเลียน จึงได้ปรึกษาผู้ปกครอง แล้วจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว เพื่อเอาผิดกับครูฝึกทหาร

ทั้งนี้มีนักศึกษาชายโดนกระทำเช่นเดียวกันทั้งหมด แต่บางคนไม่กล้ามาแจ้งความเพราะกำลังจะได้วุฒิจบการศึกษา มัธยมต้นและมัธยมปลาย ในเร็วๆนี้ น้องนิลจา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าสำหรับการแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าวนั้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิจิตร ได้รับแจ้งความไว้และจะส่งสำนวนเรื่องดังกล่าวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ไปดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด้านนางธันยภัทร กิตตินิรันกุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอวชิรบารมี ได้กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นโครงการ ที่ สกร.ได้นำนักศึกษาเข้าค่ายลูกเสือตามโครงการต้านยาเสพติดด้วยกระบวนการลูกเสือ ซึ่งมีนักศึกษา ของศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ ของอำเภอวชิรบารมี และอำเภอสามง่าม จำนวน 100 คน เดินทางไปเข้าค่าย ในวันที่ 13-14 สิงหาคม 2567

หลังจากเกิดเหตุว่ามีการให้นักศึกษาชายตรวจฉี่เพื่อหาสารเสพติดตามกระบวนการ โดยมีการแจ้งความว่าครูฝึกอนาจาร และมีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเบื้องต้นได้ประสานผู้ปกครองนักศึกษา และนักศึกษาที่เข้าค่ายทั้งหมดไปแล้ว โดยจะนัดเข้ามาคุยกันเพราะว่าในเบื้องต้นเหตุการณ์ก็คือเขาคิดว่าเป็นการอนาจาร ก็ได้ขอโทษไปแล้ว ก็เลยอยากจะนัดพูดคุยอีกทีหนึ่ง ก็เลยเชิญผู้ปกครอง เชิญนักเรียน แล้วก็คุณครูที่มีส่วนเกี่ยวข้องในวันนั้นว่าจะมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน

น้องเขาอาจจะคิดว่าเป็นการอนาจาร แต่ในมุมค่ายทหารก็คิดว่ามันเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ซึ่งทางเราได้มอบให้กับฝ่ายทหารไปแล้วตอนนั้นเราก็ทำได้แค่สังเกตการณ์ในตอนนั้น ก็เลยจะคุยให้น้องเขาเข้าใจ ว่าน้องไม่พอใจอะไรยังไงก็เลยจะนัดคุยกันวันนี้

ส่วนในเรื่องของทางค่ายทหารนั้นก็ต้องคุยต้องประสานไปอีกทีหนึ่ง หลังจากเกิดเหตุ สกร.อำเภอ วชิรบารมี ก็ต้องมีแนวทางที่จะแก้ปัญหานี้ แล้วก็จะไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีก ส่วนที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ก็จะเรียกผู้ปกครองมาคุยไกล่เกลี่ยหาทางออกร่วมกัน

ด้านนายศักดิ์ไทย สิงห์ลอ ครูผู้สอนศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.)อำเภอสามง่าม กล่าวว่าตอนเกิดเหตุว่ามีการสั่งแก้ผ้าหรือไม่นั้นไม่ทราบเรื่อง ซึ่งมาทราบเรื่องตอนช่วงมีครูมารายงาน แต่ขั้นตอนนั้นไม่ทราบว่ามีการตรวจว่ามีการเอาเสื้อขึ้นหรือถอดกางเกงลงก็ไม่ทราบเลยในวันนั้น

มาทราบทีหลังมีครูมารายงานว่ามีเด็กนักศึกษา มีปัญหา ก็เลยมาถามครูว่ามันเป็นยังไงใครอยู่ตรงนั้นบ้าง ครูที่อยู่ตรงนั้นก็เลยเล่าว่าไม่ได้มีการถอดแต่มีการตรวจฉี่จริง แต่ก็แยกชายหญิง ซึ่งทุกครั้งที่เข้าไปก็จะมีการตรวจบุหรี่ยึดโทรศัพท์ทุกครั้ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *