บ้านสวน ‘ปิ่น เก็จมณี’ เข้าสวนปลูกผัก-ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้
ก่อนหน้านี้เคยออกปากกับสามี เจ เจตริน ว่าหากหมดปัญหาการแพร่ระบาดไวรสโควิด-19 เมื่อไหร่ จะลองไปทำเกษตรกร ทำนาทำไร่ดู สำหรับคุณแม่ลูก 3 แล้ว แต่ยังแซ่บไม่เปลี่ยนอย่าง
ปิ่น เก็จมณี และตอนนี้เป็นช่วงเวลาการอยู่บ้านกักตัว หยุดเชื้อเพื่อชาติ พร้อมหน้าพร้อมตาลูกๆ และ สามี และไม่กี่วันก่อน ก็เพิ่งทำเรื่องราวดีๆ ช่วยเหลือสังคมโดยการจัดทำตู้ไปสุข
ไปช่วยเหลือประชาชนในระแวกที่ได้รับความเดือดร้อน ล่าสุดในอินสตราแกรมของ ปิ่น เก็จมณี ก็ได้เผยภสพบรรยากาศธรรมชาติบ้านสวน ที่มีผลผลิตเกษตรกรมากมายให้ได้เก็บมาใช้สอย
โดยงานนี้ แม่ปิ่น ก็ได้บุกสวนผัก บุกเล้าไก่ไปเก็บไข่ แถมยังรวมไปถึงลงทุนนั่งเรือ หว่านแหจับปลา ด้วยตัวเองอีกด้วย ซึ่งดูท่าแล้วแม่ปิ่นนั้น จะหลงรักวิถีชีวิตติดใจธรรมชาติเข้าซะแล้วล่ะค่ะ
หลังเห็นภาพคุณแม่คนเก่ง “ปิ่น” เก็จมณี วรรธนะสิน พาตะลุยทัวร์บ้านสวนในมุมต่างๆ ที่นอกจากโรงเลี้ยงม้าแสนรักที่ได้เห็นกันบ่อยๆในไอจีแล้ว ก็ยังมีเล้าไก่ที่ออกไข่มาให้ทานกันได้ทุกวัน
นอกจากนี้แม่ปิ่นยังโชว์ฝีมือพายเลยลงไปจับปลาให้บ่อที่เลี้ยงไว้ให้ชมกันอีก ถือเป็นโมเมนต์น่ารักๆ ที่หลายคนพากันอิจฉามิใช่น้อย ที่ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ มีบ้านสวนของครอบครัวแบบนี้
หากย้อนกลับไปเรียกว่าช่วงนี้กลิ่นการเลิกราของคู่รักคนดัง รุนแรงต่อเนื่องมาเรื่อยๆ กับคู่รักระดับตำนาน เจ เจตริน – ปิ่น เก็จมณี วรรธนะสิน ที่รักกันมานานกว่า 28 ปี และเพิ่งฉลอง
ครบรอบแต่งงาน 22 ปีไปหมาดๆ เป็นครอบครัวสุดอบอุ่นที่ใครต่างก็อิจฉา ที่ตอนนี้เป็นกระแสข่าวลือว่า คู่นี้คือคู่รักยุค 90 ที่เพิ่งจะเซ็นใบหย่ากันไปวันนี้เราถือโอกาส พาทุกท่านไปส่อง
เส้นทางรักของ เจ-ปิ่น ตลอด 28 ปี ที่ทั้งคู่เองก็ผ่านเรื่องราวมือที่ 3 บ้านแตก เรื่อยมา แต่ท้้งคู่ก็สามารถฟันฝ่าจับมือผ่านมรสุมรักกันมาได้ตลอดรอดฝั่ง เจ เจตริน วรรธนะสิน ถือเป็นนักร้อง
นักแสดง พิธีกร นักกีฬาที่มีชื่อแสียงเป็นอย่างมาก เป็นหนุ่มฮอตนักเรียนนอกขวัญใจสาวๆ สมัยยุค 90 ก่อนที่จะมีข่าวออกมาว่า เจ กำลังคบหากับนักร้องวง คิดแน็ปเปอร์ส (Kidnappers)
ที่ต่อมาได้กลายเป็นนักแสดงชื่อดัง นั่นก็คือ ปิ่น เก็จมณี การคบกันของทั้งคู่เป็นข่าวใหญ่ และมีข่าวรักๆ เลิกๆ ก้นเรื่อยมา ก่อนที่เจ จะหันไปคบกับนางแบบสาว จีน่า จิดาภารองนางสาวไทยปี
2535 และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า เจด้า จิดาริน หลังจากนั้นไม่นาน เจ ก็ได้กลับมาคบกับ ปิ่น อีกครั้ง จนกระทั่งทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานเมื่อปี 2544 จากนั้นไม่นาน เจ-ปิ่น ก็ได้ออกมาประกาศข่าวดี
ปิ่นได้ตั้งท้องลูกชายคนแรกคือ เจ้านาย มีลูกชายคนที่สองในปี 2546 คือ เจ้าขุน และในปี 2548 ก็มีลูกชายคนที่ 3 เจ้าสมุทร เป็นครอบครัวสุดอบอุ่นที่ใครต่างก็พากันอิจฉา ในปี 2550 เจ-ปิ่น
เจอกับมรสุมรักร้าว เมื่อมีข่าวออกมาว่าเจนอกใจปิ่นไปนั่งเฝ้าวีเจรุ่นน้อง “พิตต้า ณ พัทลุง” ถึงกองถ่าย ทำเอาเจไม่นิ่งนอนใจรีบออกมาแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริงเลย และรู้สึกเคืองผู้ไม่หวังดีที่ปล่อยข่าว
เสื่อมเสียให้กับครอบครัวของตน แต่ยอมรับว่าได้แยกห้อง แยกเตียงกับภรรยาเพราะแต่ละคนต้องการความเป็นส่วนตัว ปี 2561 ปิ่น เก็จมณี ก็ได้โพสต์ภาพตัวเองคู่กับ “เจด้า” ลูกสาวเจ ที่เกิดกับ
จีน่า จิดาภา และยังมีการโพสต์ภาพรวมตัวครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาร่วมโต๊ะอาหาร ท่ามกลางคำชื่นชมของแฟนๆ ที่ได้เห็นภาพครอบครัวสุขสันต์ ในปีเดียวกัน ปิ่น ออกรายการ เล่ามรสุมชีวิตรัก
ซึ่งปิ่นเล่าว่า เจ ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ตั้งแต่คบกันมา เจ เคยมีพฤติกรรมแปลกๆ ครั้งเดียว ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก แต่ก็เคลียร์กันได้ ตนจึงวางใจว่าเจจะไม่ทำให้เป็นปัญหาอีก ซึ่ง ปิ่น กับ เจ เคยเลิกกันมาแล้ว 3 ครั้ง
ครั้งที่ 3 เจไปเมืองนอกแล้วก็ไปกุ๊กกิ๊กสาวอื่น ซึ่งเจเองเคยเล่าถึงช่วงเวลาที่มีปัญหากับภรรยาไว้ว่า… “ส่วนมากเราทะเลากันเพราะอารมณ์ เวลาทะเลาะกันผมเลยเชื่อว่าเราไม่มีวันแยกจากกันอยู่แล้วเพราะเรารักกัน
และเพราะลูกด้วยที่เป็นเหตุผลอันดับหนึ่ง ผมกับปิ่นเรารักกันและเราก็รักตัวเองนะ แต่เรารักลูกมากกว่าตัวเอง ลูกมาที่ 1 ถ้าเรารักตัวเองมากกว่าเวลาทะเลาะกันเราคงแยกกันไปแล้ว ชีวิตผมมาได้ทุกวันนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ผมมีปัญญา มีบทเรียน ดังนั้นเวลาที่เรามีตรงนี้ เราต้องอยู่กับบ้านต้องอยู่ด้วยกัน แหวนที่ใส่อยู่สลักชื่อกันไว้ ตั้งแต่แต่งงานไปไหนผมไม่เคยถอด หรือถ้าต้องถอดก็จะวิ่งมาให้ปิ่นเป็นคนใส่ให้ทุกครั้งเหมือนวันแรกที่เราแต่งกัน
ปิ่นเขาจะรู้” และล่าสุด ในปี 2566 เจ-ปิ่น ก็กลับมามีข่าวลือบ้านแตกอีกครั้ง โดยครั้งนี้ มีข่าวลือออกมาว่าทั้งคู่เซ็นใบหย่ากันแล้วเรียบร้อย โดยสาเหตุที่ทำให้เลิกกันเพราะมีมือที่ 3 อีกเช่นเคย
สาวคนนั้น เป็นคนมีชื่อเสียงอายุหลัก 4 ต้นๆ เคยผ่านการแต่งงานกับไฮโซ มีลูกติดด้วย สุดท้ายแล้วก็ต้องให้ความเป็นธรรม รอฟังจากปากของเจ-ปิ่น เองว่าตกลงแล้วข่าวลือทั้งหมดจริงหรือไม่