แม่สาวไทย เล่าชนวนเหตุลูกถูกแทงดับในไต้หวัน เผยลางสังหรณ์ก่อนเสียชีวิต

ในที่เกิดเหตุพบหลักฐานเป็นมีด 1 เล่ม ถูกทิ้งไว้ ใกล้กันยังพบรองเท้าแตะและก้นบุหรี่ในที่เกิดเหตุ และก้นบุหรี่ชนิดเดียวกันในห้องน้ำสาธารณะห่างจากป้อม 300 เมตร และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบภาพหลักฐานผู้เสียชีวิตถูกพาขึ้นภูเขาต้าอูหลุนมาด้วยมอเตอร์ไซค์ ทำให้เจ้าหน้าที่ระบุตัวผู้ต้องสงสัยหลักได้ว่าคือนายจ้างหญิง แซ่หลิน

โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้น นายจ้างหญิงได้ให้การมีพิรุธตอนอธิบายว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนในช่วงเวลาวันเกิดเหตุ ตำรวจจึงยื่นคำร้องต่อศาลขอควบคุมตัวชั่วคราวเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากนายจ้างมีพฤติการณ์ปกปิดหลักฐานและมีโอกาสหลบหนีหากได้รับการประกันตัว ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด และไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปัญหาความสัมพันธ์หรือข้อพิพาทเรื่องหนี้

อย่างไรก็ตาม ทางป้าของผู้เสียชีวิต เผยว่า หลานแยกทางกับสามี มีลูก 2 คน ได้เดินทางไปทำงานร้านนวดแผนโบราณที่ไต้หวัน เมื่อเดือน เม.ย. 2566 โดยขอวีซาไป 3 เดือน พอวีซาหมดยังไม่อยากกลับเพราะได้เงินดี จึงทำงานต่อ ต่อมาหลานได้ย้ายงานใหม่ สมัครเป็นแม่บ้านได้ 3 วัน โทรกลับมาเล่าให้ฟังว่า นายจ้างใช้งานหนักไม่ยอมให้พัก ซึ่งนายจ้างเป็นชาวไต้หวัน แต่มีภรรยาเป็นคนไทย ซึ่งทำงานหนักมาก แต่ก็อดทน

คืนเกิดเหตุหลานโทรมาเล่าว่า นายจ้างผู้หญิงใช้ซักกางเกงใน ด้วยความโมโหประกอบกับไม่ยอมให้กินข้าว หลานเลยเตะถังน้ำใส่นายจ้าง ต่อมาเวลา 19.00 น. คืนเดียวกัน หลานเล่าว่านายจ้างชวนขึ้นไปเก็บผักบนภูเขา เดินทางไปเวลา 20.00 น. พอตื่นเช้าแฟนหนุ่มชาวไทยที่พบรักกันที่ไต้หวัน โทรมาบอกว่าหลานถูกแทงตายบนภูเขา จึงสงสัยนายจ้างจะเป็นคนฆ่า เสียใจที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีลางสังหรณ์หนังตาข้างขวากระตุก 2-3 วัน

ส่วนแม่ของผู้เสียชีวิต เผยว่าก่อนลูกจะเสียชีวิตเพิ่งได้โทรศัพท์คุยกัน ก่อนที่ตอนเช้าเพื่อนลูกโทรมาบอกว่าลูกเสียชีวิต ก่อนลูกจะเสียชีวิต ตนมีลางสังหรณ์สุนัขหอนทั้งคืน ก็คิดว่าเห็นวิญญาณเพื่อนบ้านที่ตายมากกว่า ไม่คิดว่าจะเป็นวิญญาณลูก