หนุ่มโหดสารภาพแล้ว เหตุผลแท้จริงขี่รถลากหมา กอดลาครั้งสุดท้าย

หนุ่มโหดยอมสารภาพ เหตุผลที่แท้จริงขี่รถลากหมา หลายคนรู้แล้วยิ่งเดือด เจ้าของใหม่เปิดภาพนาทีขอกอดอำลาครั้งสุดท้าย

จากกรณีเหตุสุดสะเทือนใจ ชายขี่รถลากหมาไปตามถนนมิตรภาพสายเก่า ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนพลเมืองดีเข้าห้ามและขู่แจ้งความ แต่ผู้ก่อเหตุไม่มีทีท่าเกรงกลัวหรือสำนึกผิด ทว่ากลับท้าทายพลเมืองดีให้ไปแจ้งความได้เลย พร้อมถามว่าถ่ายคลิปตนไปพอหรือยัง โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

หนุ่มโหดสารภาพแล้ว เหตุผลแท้จริงขี่รถลากหมา กอดลาครั้งสุดท้าย

หนุ่มโหดสารภาพแล้ว เหตุผลแท้จริงขี่รถลากหมา กอดลาครั้งสุดท้าย

จากนั้น วันที่ 9 เมษายน 2568 มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ (Watchdog Thailand Foundation – WDT) พร้อมพยาน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัข ฐานทารุณกรรมสัตว์ ที่ สภ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความและต่อมาตำรวจ สภ. ปากช่อง ได้ไปนำตัวนายปัณณวิชญ์ อายุ 35 ปี เจ้าของหมาซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุมาสอบสวนพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา โดยนายปัณณวิชญ์ สารภาพสาเหตุว่ามีปัญหาทะเลาะกับแฟน เลยเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ทำไปเพราะประชดแฟน แต่หมาตัวนี้ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ ชื่อว่า “แซลมอน” ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเลย เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็รัก รู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว พร้อมขอโทษกับสังคมให้โอกาส ยินดีรับโทษที่ทำลงไป

หนุ่มโหดสารภาพแล้ว เหตุผลแท้จริงขี่รถลากหมา กอดลาครั้งสุดท้าย

ส่วนเจ้าแซลมอน ตนรู้ว่าจากนี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว แต่ขอเจอและบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่นายปัณณวิชญ์ จะอุ้มเจ้าแซลมอนขึ้นมากอด

หนุ่มโหดสารภาพแล้ว เหตุผลแท้จริงขี่รถลากหมา กอดลาครั้งสุดท้าย

สำหรับบ้านใหม่ของเจ้าแซลมอนที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “เจ้าไถล” ได้คุณศิริพงษ์ แซ่กัง เจ้าของร้านตัดขนอาบน้ำสัตว์ อำเภอปากช่อง รับไปเลี้ยงต่อ ซึ่งคุณศิริพงษ์ ได้โพสต์รูปของน้องกับเจ้าของเก่า พร้อมแคปชั่นว่า “น้ำตาจะไหลน้องเจอเจ้าของเก่า แต่ไม่ให้คืนค่ะ บอกลากันครั้งสุดท้ายเจ้าของเก่ากับน้องหมา ตอนให้อุ้มน้องฉี่ไหล ต่อมแตกเลยค่ะ กลับบ้านกันนะเจ้าไถลดูแลอย่างดีที่สุด ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากๆ นะคะ ที่เป็นห่วง น้องขอบคุณมากค่ะ”

หนุ่มโหดสารภาพแล้ว เหตุผลแท้จริงขี่รถลากหมา กอดลาครั้งสุดท้าย

ล่าสุดวันที่ 10 เมษายน 2568 ทางเพจ WDT รายงานผลคดีว่า ศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าของสุนัขรายนี้ โดนปรับเป็นเงิน 10,000 บาท โดยไม่มีโทษจำคุก