แม่-ป้า ร่ำไห้สาวถูกฆาตกรรมที่ไต้หวัน สงสัยนายจ้างลวงฆ่า เพิ่งโทรคุยกัน-เผยลางร้าย
เสียใจที่สุดแค้นมาก แม่-ป้า ร่ำไห้สาวถูกฆาตกรรมที่ไต้หวัน สงสัยนายจ้างลวงฆ่า เพิ่งโทรคุยกัน-เผยลางร้าย สลดลูกผู้ตายรู้เรื่องนั่งร้องไห้
จากกรณี สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยไทเป ได้รับรายงานจากตำรวจไต้หวันกรณี น.ส.สุดธิดา แสนแสง อายุ 32 ปี อยู่หมู่ 7 บ้านกุดนาค้อ ต.ตาดทอง อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายเสียชีวิตบนภูเขา ในพื้นที่เมืองจีหลง ไต้หวัน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 นั้น
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 12 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านของ น.ส.สุดธิดา พบญาติและเพื่อนบ้านนั่งจับกลุ่มพูดเรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.สุดธิดา
โดยนางดวงพร อายุ 59 ปี ป้า น.ส.สุดธิดา ผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเป็นคนเลี้ยงผู้ตายมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากแม่ของผู้ตายไปทำงานก่อสร้างอยู่ที่กรุงเทพฯ ผู้ตายแยกทางกับสามี มีลูก 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ อายุ 14 ปี และ 4 ปี
เมื่อเดือนเมษายน 2566 ผู้ตายเดือนทางไปทำงานร้านนวดแผนโบราณที่ไต้หวัน เพราะต้องการหาเงินเลี้ยงลูก และอยากทำบ้านให้ลูก โดยขอวีซ่าไป 3 เดือน พอวีซ่าหมดจะกลับบ้าน แต่ไม่อยากกลับเพราะได้เงินดี จึงทำงานต่อ ผู้ตายส่งเงินกลับมาเลี้ยงลูกเดือนละ 4000-7000 บาท ผู้ตายจะโทรมาหาลูกประจำ เพราะห่วงลูก
นางดวงพร กล่าวอีกว่า ต่อมาทราบว่าผู้ตายได้ย้ายงานใหม่ ไปสมัครทำงานแม่บ้าน ได้ 3 วัน ผู้ตายโทรกลับมาเล่าให้ฟังว่า นายจ้างใช้งานหนัก ไม่ยอมให้พักผ่อน โดยนางจ้างเป็นชาวไต้หวันแต่มีภรรยาเป็นชาวไทย จ.ลำปาง ทำงานหนักมาก แต่จะอดทนถ้าได้เงินเก็บสักก้อนมาทำบ้านใหม่ โดยจะสะสมทองไว้ 4-5 บาท
คืนเกิดเหตุ ผู้ตายโทรมาเล่าว่า นายจ้างผู้หญิงใช้ซักกางเกงใน ด้วยความโมโหประกอบกับไม่ยอมให้กินข้าว ผู้ตายเลยเตะถังน้ำใส่นายจ้าง และช่วง 19.00 น.คืนเดียวกันผู้ตายเล่าว่า นายจ้างชวนขึ้นไปเก็บผักบนภูเขา และเดินทางไป 20.00 น. พอตื่นเช้าแฟนหนุ่มชาวนครพนม ที่พบรักกันอยู่ที่ไต้หวัน โทรมาบอกว่าลูกสาวถูกฆ่าตายบนภูเขา และติดต่อกับผู้ตายตลอดทำให้รู้พิกัดและเป็นผู้แจ้งตำรวจ
“มีลางสังหรณ์ หนังตาข้างขวากระตุก 2-3 วัน เสียใจที่สุด พอทราบข่าวก็แค้นมาก เพราะเลี้ยงผู้ตายมาตั้งแต่เล็ก และยังเลี้ยงหลานอีก ลูกคนโตผู้ตายพอรู้เรื่องก็นั่งร้องไห้ สงสารหลานมากซึ่งสงสัยนายจ้างจะเป็นคนลงมือ อยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้”
ส่วนนางผ่องอำไพ โคตรมณี อายุ 45 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูก 2 คน น.ส.สุดธิดา เป็นลูกคนสุดท้อง ตนไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯประจำ โดยมีพี่สาวเลี้ยงผู้ตาย แต่เมื่อ 3 วันก่อนได้กลับมาบ้านเพื่อหางานทำที่บ้านและดูแลหลาน
ก่อนลูกจะเสียชีวิต ก็ได้โทรคุยกับลูกตอนกลางคืน ตื่นเช้ากำลังจะไปทำงาน เพื่อนลูกโทรมาบอกว่าลูกฆ่าตัวตาย ตนก็เถียงไปว่าจะฆ่าตัวตายทำไม เพราะผู้ตายห่วงลูกมาก ตนรู้สึกเสียใจมาก ใจสลาย สงสารลูกสาว ก่อนลูกจะเสียชีวิต ตนมีลางสังหรณ์สุนัขหอนทั้งคืน สุนัขหอนก็คิดว่าเห็นวิญญาณเพื่อนบ้านที่ตายมากกว่า ไม่คิดว่าจะเป็นวิญญาณลูก อยากได้ศพลูกกลับบ้าน อยากให้ทางการจับคนร้ายให้ได้