รวบ “เสี่ยมีน”ตำนานไฮโซเก๊ อายุแค่ 27 ปี สร้างโปรไฟล์หรู หลอกเหยื่อนับ 10 ล้าน
สืบนครบาล รวบ “เสี่ยมีน”ตำนานไฮโซเก๊ อายุ 27 ปี อาศัยหน้าตาดี สร้างโปรไฟล์หรู หลอกเหยื่ออื้อนับ 10 ล้าน อึ้งหลอกผู้หญิงคบที 4-5 คน สุดท้ายไม่รอด
วันที่ 9 ต.ค.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น.และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.
ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกฤติเดช (ชื่อเดิม ธนาธร) หรือ “เสี่ยมีน” (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.316/2567 ลงวันที่ 13 มิ.ย.67 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” พื้นที่ สน.บางพลัด
จากการตรวจสอบประวัติต้องก่อเหตุมาแล้วกว่า 9 คดี และอีกไม่ต่ำกว่า 10 คดี ผู้เสียหายไม่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี
1.วันที่ 11 ก.ค. 58 ก่อเหตุ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พื้นที่ สน.ดุสิต
2.วันที่ 31 มี.ค. 59 ก่อเหตุ ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พื้นที่ สภ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
3.วันที่ 23 ก.ค. 59 ก่อเหตุ ฉ้อโกง พื้นที่ สน.มีนบุรี
4.วันที่ 26 เม.ย. 60 ก่อเหตุ ฉ้อโกง พื้นที่ สภ.เมืองอุตรดิตถ์
5.วันที่ 19 มี.ค. 64 ก่อเหตุ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมฯ พื้นที่ สภ.เมืองเชียงราย
6.วันที่ 11 พ.ย. 64 ก่อเหตุ ฉ้อโกง , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมฯ พื้นที่ สน.สายไหม
7.วันที่ 31 ธ.ค. 64 ก่อเหตุ ลักทรัพย์ พื้นที่ สน.มีนบุรี
8.วันที่ 6 เม.ย. 65 ก่อเหตุ ฉ้อโกง พื้นที่ สน.ลุมพินี
9.วันที่ 7 ม.ค. 66 ก่อเหตุ ลักทรัพย์ใน พื้นที่ สน.มีนบุรี
โคตรอภิมหานักต้มตุ๋นรายนี้ มีอายุเพียง 27 ปี แต่ทักษะการต้มตุ๋นเข้าขั้นเซียน โดยมิจฉาชีพรายนี้จะเป็นที่รู้จักกันในนาม “เสี่ยมีน” หรือ “มีน Vogue” เจ้าตัวเป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาเป็นอาวุธ สร้างโปรไฟล์ในโลกโซเชียลเป็น “ไฮโซ” ทำทีถ่ายรูปกับรถหรูซึ่งเป็นรถผู้ใดก็ไม่ทราบ หรือการโชว์สลิปการโอนเงินเยอะๆ หรืออวดนาฬิกาเรือนแพงขณะควบพวงมาลัยรถหรู และอีกต่างๆมากมายที่เจ้าตัวจะสรรหามาทำ เพื่อเบ่งให้เห็นถึงความหล่อรวยของตัวเองในโลกโซเชียล
ซึ่งเจ้าตัวยังตระเวนไล่ “ทักหา” เหล่าบรรดาไฮโซดาราคนดังที่มีตัวตนอยู่จริงๆ เพื่อมาเสริมบารมีให้กับโปรไฟล์ของตัวเอง และเมื่อโปรไฟล์เจ้าตัวเลิศอลังแล้ว ก็จะตระเวนไล่หยอดเหล่าบรรดา “หญิงสาว” และ “สายมู” ในโลกโซเชียล ด้วยสภาพภายนอกเป็นชายหนุ่มไฮโซหน้าตาดี บวกกับทักษะการเกี้ยวพาราอย่างช่ำชอง ทำให้ความสัมพันธ์เจ้าตัวกับเหยื่อก้าวไปสู่การนัดพบเจอหรือการหลองลวงซื้อขายของออนไลน์นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดาย
คนร้ายจะแต่งตัวดี ดูมีฐานะ เสมือนเป็นไฮโซจริง แต่ที่เหลือร้ายคือทักษะการสนทนาที่จะมักอวดอ้างว่าตนรู้จักไฮโซคนดังหรือผู้มีอำนาจคนนั้นคนนี้ และคนร้ายยังอ้างว่าตนเป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ ซึ่งที่คนร้ายอ้างบ่อยครั้งคือ เป็นเจ้าของเต็นท์รถ , เจ้าของสำนักกฎหมาย หรือเป็นเจ้าของกิจการต่างๆอีกมากมาย
และในการสนทนาครั้งแรกๆมักส่งรูปรถหรูและสลิปโอนเงินไปโชว์เหยื่อหญิงสาว สร้างภาพเป็นหนุ่มไฮโซหล่อรวย จิตใจสายบุญ เรียกได้ว่าทักษะการสร้าง First Impression ต่อเหยื่อหญิงสาวนั้นทำได้อย่างชำนาญสุดๆ พาเอาเหล่าบรรดาหญิงสาวเคลิบเคลิ้ม มโนไปว่าได้เจอชายในฝัน
แต่เมื่อได้คบหากันพักหนึ่งก็จะเข้าสู่กระบวนการหลอกลวงเพื่อเอาทรัพย์สินหรือการ “เชือด” นั้นเอง โดยการเชือดอย่างไรนั้นจะขึ้นกับสถานการณ์ในความสัมพันธ์ทั้งสอง แต่โดยส่วนใหญ่เหยื่อจะถูก “ยืมเงิน” และถูกหลอกลวงเช่นการยืมรถและแอบนำไปจำนำในตลาดมืดก่อนจะหายเข้ากลีบเมฆ
โดยเหยื่อบางรายเมื่อหากคนร้ายรู้ว่าเธอมีฐานะยากจน ก็ยังโทรมาลวงให้โอนเงินให้จำนวน “21 บาท” โดยหลอกว่าเป็นค่าทำบุญ
คนร้ายรายนี้ตระเวนก่อเหตุในลักษณะนี้เป็นเวลาหลายปี ผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 30 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000,000 บาท ซึ่งต่อมาคนร้ายรายนี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับตามมาเป็นขบวนกว่า 9 หมายจับ
พล.ต.ท.ธิติ เร่งสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช และชุดไล่ล่าสืบสวนแกะรอย แต่งานนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อคนร้ายมีทักษะประสบการณ์ก่อเหตุที่แยบยล และยังอัพเลเวลการหลบหนีการจับกุมมาอย่างช่ำชองจากการเคยถูกจับกุมมาหลายครั้ง เรียกได้ว่าหายไปในกลีบเมฆ กระทั่งชุดสืบสวนได้เบาะแสจาก “พลเมืองดี” ให้เบาะแสว่าผู้ต้องหารายนี้ตระเวนทักหาโชว์รูมรถในโลกออนไลน์เพื่อหา ”นายทุน” มาร่วมทำธุรกิจด้วย
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงนำกำลังติดตามเบาะแสไปจนได้พบกับ “เหยื่อรายล่าสุด” ซึ่งกำลังต้องมนต์เสน่ห์ของคนร้ายอยู่ ซึ่งชุดสืบสวนได้เบาะแสว่าคนร้ายกำลังจะหลอกให้ “นายทุน” รายนี้มาร่วมลงทุนเปิดโชว์รูมรถหรูบนที่ดินทิพย์ของผู้ต้องหารายนี้ จึงต้องแข่งกับเวลาเร่งหาตัวผู้ต้องหารายนี้และต้องจับให้ได้ก่อนก่อเหตุครั้งใหม่
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ทราบเพียงเบาะแสว่าคนร้ายไม่อยู่นิ่งกับที่และระวังตัวค่อนข้างมาก ก่อนนำกำลังเร่งหาตัวกว่า 3 สัปดาห์ กระทั่งวันที่ 8 ต.ค. 67 เวลาประมาณ 23.00 น. จึงสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ ที่สถานีกลางบางซื่อ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ขณะที่คนร้ายกำลังเดินเท้าจากย่านพหลโยธินสู่จุดหมายจังหวัดราชบุรี
ในชั้นจับกุม นายกฤติเดช ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบชั้น ม.6 ชีวิตของตนลำบากพ่อแม่แยกทางกัน เกิดความหลงผิด ลองผิดลองถูกเอง ตนเป็นหนุ่มหน้าตาดี ชอบถ่ายรูปกับรถหรู เป็นหนุ่มโปรไฟล์ดีในโลกออนไลน์ เลยมีผู้หญิงเข้ามาเยอะ ตนจึงมีแฟนหลายคนคบซ้อนพร้อมกัน 4-5 คน
เมื่อมีผู้หญิงเข้ามาก็จะทำทีคบหากันเพื่อหลอกยืมเงิน โดยเคยยืมสูงสุดหลักล้านเพื่อไปเล่นพนันออนไลน์จนหมด ทำให้ชีวิตเกิดปัญหา เครียดไม่มีเงิน เกิดปัญหาชีวิตเรื่อยมา ส่วนเรื่องที่ถูกจับรอบนี้เป็นเพราะตนโพสต์ขายทะเบียนและหลังจากผู้เสียหายโอนมัดจำมาและแต่กลับมายกเลิกการซื้อขายจากตนและขอเงินคืน แต่ตนได้ใช้เงินไปหมดแล้วจึงไม่มีเงินจะคืนให้ผู้เสียหาย
ส่วนเรื่องคดีอื่นๆก็เป็นคดีเกี่ยวกับซื้อขายรถ ตนพยายามเคลียร์จนหมดแล้ว พร้อมเปิดหน้าเพื่อให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ และอยากเตือนผู้หญิงในโลกออนไลน์ว่า อย่ามองคนที่ภายนอก เพราะความจริงอาจจะไม่เหมือนที่เห็นในโลกออนไลน์ และขอให้สัญญากับผู้การจ๋อว่าเมื่อพ้นโทษจะกลับตัวเป็นคนดี” หลังจับกุมตัว ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านพล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ตามที่ผมได้เคยกล่าวไว้ในครั้งก่อนที่ได้จับกุมผู้ต้องหารายนี้ ว่าเรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ และการให้คำรับปากถึงการกลับตัวของภัยสังคมรายนี้ สุดท้ายเขาก็ยังคงไม่สำนึก และกลับมาอยู่ในจุดเดิม ผมขอกล่าวไว้ตรงนี้ “โอกาสมีไว้ให้สำหรับคนที่คู่ควร”
จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะปกปิดข้อมูลของคุณเป็นความลับ แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.