News

แม่น้องปูอัดขอพูดบ้าง ปมรับเงินเยียวยา ความจริงคนละเรื่อง อดีตสามีและญาติรับรู้มาตลอด

แม่น้องปูอัดขอพูดบ้าง ปมรับเงินเยียวยา ความจริงคนละเรื่อง อดีตสามีและญาติรับรู้มาตลอด

แม่น้องปูอัดขอพูดบ้าง ปมโผล่รับเงินเยียวยา ความจริงคนละเรื่องกันเลย อดีตสามีและญาติรับรู้มาตลอด หยุดถล่มด่า สูญเสียมามากพอแล้ว เผยภูมิใจและใจสลายไปพร้อมกัน ลูกสวมวิญญาณกู้ภัยเหมือนแม่

จากกรณีน้องปูอัด ฮีโร่ที่วิ่งกลับเข้าไปช่วยเพื่อนเหตุรถบัสไฟไหม้ จนตัวเองต้องเสียชีวิต แต่หลังจากนั้นก็พบว่าผู้เป็นแม่โผล่มารับเงินเยียวยา 1.2 ล้าน ทั้งที่ทิ้งลูกให้อดีตสามีเลี้ยงตั้งแต่ 7 เดือน แล้วไม่เคยกลับมาดูเลย สุดท้ายทนกระแสไม่ไหว ต้องรีบนำมาคืนให้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 5 ต.ค.67 นางกิ่ง (นามสมมติ) อายุ 49 ปี แม่ของน้องปูอัด กล่าวว่า อยากจะเปิดใจและชี้แจงถึงกรณีดราม่าในโซเชียล ยอมรับว่า ตนเป็นแม่บังเกิดเกล้าของน้องปูอัด ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนกับพ่อน้องปูอัด ทำให้ตนมีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองเต็มที่ตามกฏหมาย หลังเลิกรากัน ญาติฝ่ายพ่อน้องปูอัดเป็นคนเลี้ยง แต่ตนก็ไม่ได้ละเลยรับน้องไปนอนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตนเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ก็ยังเคยพาน้องออกสนามไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งน้องตามที่เป็นข่าวลือในโซเชียล

ส่วนเช็กเงินเยียวยา 1.2 ล้าน ตนรับไปจริง ซึ่งในวันนั้นตนมาพร้อมกับพ่อของน้องปูอัด หลังจากได้รับเช็กตนก็ให้พ่อน้องปูอัดทันที ไม่ได้ไปก้าวก่ายในเรื่องของเงินเยียวยา ส่วนซองเงินเยียวยาที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนมอบให้ในงานศพ ส่วนใหญ่เป็นญาติของพ่อน้องปูอัดที่รับซอง แต่ตนเคยรับอยู่ซองหนึ่ง รับเสร็จก็มอบให้กับของพ่อน้องปูอัดทันที

นอกจากนี้ตนยังเคยรับเงินเยียวยาจาก ผบ.ตร. และคุณเปิ้ล นาคร ตนก็เอาให้คุณพ่อน้องปูอัดตลอด เรื่องทั้งหมดญาติของพ่อน้องปูอัดทราบเรื่องมาโดยตลอด กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องดราม่าทั้งตนและญาติของพ่อน้องปูอัดก็แปลกใจมากว่าใครไปร้องเรียนและกลายเป็นคนเปิดกระแสในโซเชียล

ตอนนี้ที่มาชี้แจงอยากให้กระแสโซเชียลยุติ เพราะต้องสูญเสียลูกอยู่แล้ว กลายเป็นถูกโซเชียลรุมด่า ตนไม่ได้ต้องการที่จะถามหาว่าใครเป็นคนเอาไปลง แต่ตนอยากขอความเห็นใจว่าลูกตนเสียชีวิตตนคือผู้สูญเสีย และที่มาชี้แจงกับทีมข่าวในวันนี้เพราะอยากให้เรื่องนี้จบ คิดว่าถ้าไม่ชี้แจงกระแสคงแรงขึ้น แล้วไปกระทบกับการงานและความรู้สึกของครอบครัวผู้สูญเสียรายอื่น และเหตุการณ์ที่ลงข่าวก็ไม่ใช่ความจริง ซึ่งมันกระทบต่อจิตใจตนในขณะนี้ อยากให้มองมุมกลับกันว่าถ้าหากเป็นผู้ปกครองคนอื่นที่สูญเสียลูก แล้วมาโดนเหตุการณ์แบบนี้อาจจะไม่ได้เข้มแข็งแบบตนก็ได้

ส่วนตัวช้ำใจอยู่แล้วว่าตนเป็นต้นเหตุหรือไม่ที่ลูกชายเสียชีวิต เพราะตนเป็นอาสาสมัครกู้ภัย แล้วลูกชายซึมซับที่เคยไปออกสนามช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกับตน ก็เลยทำให้ตอนที่ที่เกิดเหตุรถบัสไฟไหม้ลูกชายคล้ายสวมวิญญาณกู้ภัยแล้วไปช่วยเพื่อน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าภูมิใจในตัวลูกชายที่สุด และก็เสียใจที่สุดเช่นเดียวกันที่สูญเสียลูกชายสุดที่รักไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *