เจ้าอาวาส เปิดใจปมยืม 9 ล้าน แฉโดนขู่บังคับรับสภาพหนี้ แต่เงินโอนเข้าบัญชีหลวงพ่อ
เจ้าอาวาส เปิดใจปมยืม 9 ล้าน แฉโดนขู่บังคับรับสภาพหนี้ แต่เงินโอนเข้าบัญชีหลวงพ่อ เผยจะให้ครั้งละหลักหมื่นหลักแสนบาท
จากกรณีคุณป้าวัย 57 ปี ผู้เสียหายที่ถูกเจ้าอาวาสวัดพืชอุดม คลอง 13 ต.พืชอุดม อ.ลำลูกกา ยืมเงินไปเกือบ 10 ล้านบาท และบอกให้ผู้เสียหายไปยึดโบสถ์ยึดศาลาเอา พร้อมไปร้องเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ ล่าสุดพระราชสุทธิธรรมจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดประยูรธรรมาราม เรียกเจ้าคณะอำเภอเจ้าคณะตำบล มาหารือถึงประเด็นดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.ย.67 ที่วัดพืชอุดม ต.พืชอุดม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี นายคมสัน ญาณวัฒนา รองผวจ.ปทุมธานี พร้อมด้วยนายสมชาย ตรีณาวงษ์ นายอำเภอลำลูกกา พระครูสุวรรณวรการ เจ้าคณะอำเภอลำลูกกา ประธานฝ่ายสงฆ์ เจ้าอาวาสวัดสุวรรณบำรุงราชวราราม พระอธิการสมบูรณ์ บุญศรี อายุ 75 ปี เจ้าอาวาสวัดพืชอุดม คณะสงฆ์ฝ่ายณ. วัดพืชอุดม ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ร่วมกันเข้าประชุมพูดคุยเรื่องดังกล่าว
ก่อนประชุมผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระอธิการพระสมบูรณ์ ได้ข้อมูลมาว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 เวลา 16.00 น. พระอธิการสมบูรณ์ บุญศรี อายุ 75 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ธนสรณ์ แช่มข้อย พนักงานสอบสวน แจ้งว่าเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2567 ได้มีหญิงข่มขู่ทางพระอธิการสมบูรณ์ให้ยินยอมรับสภาพหนี้ 9,200,000 บาท และเงินค่าจ้างค้างจ่ายสถานีวิทยุทหารอาการมีนบุรี AM 1251 ใอีก 230,000 บาท เป็นสภาพบังคับที่ทำให้ผู้แจ้ง ไม่สามารถหลบเลี่ยงจากการถูกบีบบังคับ ขืนใจให้กระทำในสิ่งที่ตนมิได้ ยินยอม แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ จึงมาลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ด้าน พระอธิการสมบูรณ์ บุญศรี กล่าวว่า เรื่องที่ไปเซ็นรับสภาพหนี้นั้น วันนั้นอาตมาไปหาคณะสงฆ์ เเล้วอีกฝ่ายขู่ถ้าไม่ยอมรับสภาพหนี้ ก็จะให้สึก อาตมาก็อยู่ในสภาวะจำยอม จึงได้เซ็นไป แล้วหลังจากนั้นก็ได้ไปแจ้งความว่าถูกบังคับให้เซ็นรับสภาพหนี้ ส่วนเรื่องการยืมเงิน ถ้าหมายถึงการกู้ยืมนั้น ไม่มี แต่ถ้ายืมปากเปล่านั้นจะว่าไปก็เป็นการสร้างโน้นบูรณะนี่ ก็บอกกล่าวแล้วเขาก็จะมาช่วย โดยการบริจาคนั้นก็แล้วแต่ละครั้งมากน้อยแตกต่างกันไป มีทั้งหมื่น 2 หมื่น 3 หมื่น แสนนึงประมาณนี้ ซึ่งหลังจากได้เงินมาก็เอาไปทำเลย โดยผ่านทางบัญชีของหลวงพ่อ
ด้านนายอ้วน เป็นโยมอุปัฏฐาก กล่าวว่า ที่มีการอ้างว่าจะเอาโบสถ์ไปใช้หนี้นั้น ไม่เป็นความจริง ใครจะเอาไปให้เขา เรื่องของเรื่องสาเหตุที่มีการทวงหนี้กัน เนื่องจากที่ผู้หญิงท่านนี้มาทำบุญที่วัดยาวนาน 12-13 ปี โดยพระอาจารย์บอกบุญไปนั้น ถ้าใครไม่สะดวกมาทำบุญที่วัดก็จะเป็นการโอนเงินมาทำบุญ หรือบางทีจะมาทำบุญที่ท่านเอง ส่วนเรื่องที่เป็นหนี้กันนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ซึ่งโดยกล่าวหาว่า หลวงพ่อเป็นหนี้ 9.2 ล้านบาท เป็นหนี้เกือบ 20 ปี โดยการทำบุญนั้นก็ทำมาเรื่อยๆ แต่ละครั้งเท่าไรนั้น ไม่รู้ว่าเท่าไรที่เขาแอบอ้าง แต่อีกฝ่ายระบุรวมทั้งหมด 9.2 ล้านบาท แต่เงินต้นไม่ได้พูดถึงว่าเป็นหนี้เท่าไร
“ผมก็ถามหลวงพ่อว่าเป็นหนี้เท่าไร โดยพระอาจารย์ก็บอกว่าไม่เคยเป็นหนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกบุญก็โอนมา แล้วมีการเอามาถวายเท่านั้น ซึ่งที่ผมรู้มา ก็จะมีการทำบุญภายในวัด โดยเชิญพระมาร่วมสวดมนต์ ซึ่งทางวัดได้บอกบุญ โดยคุณผู้หญิงท่านนี้ก็บอกว่า เดี๋ยวจะช่วยทำบุญ ซึ่งวันนั้นมีเงินที่เขาช่วยมาประมาณ 6-7 หมื่นบาท ซึ่งกรรมการวัดก็ลงบัญชีไว้ แต่พอวันต่อมา เขาได้มาขอคืนเงินจากคณะกรรมการ บอกว่าไม่อยากทำแล้ว ขอคืนดีกว่า ซึ่งการกระทำของเขาเป็นแบบนี้บ่อยครั้ง ซึ่งผมไม่รู้ เขาอาจจะเป็นคนที่มี 2 บุคลิกหรือไม่ พอดีก็ทำบุญ แต่พอผ่านไปก็มาขอเงินคืน แล้วทางวัดก็คืนให้ โดยเงินที่เขาทำบุญกับวัดนั้น ส่วนใหญ่จะโอนเงินเข้าบัญชีพระอาจารย์ แต่ว่าทำบุญกับวัด หรือให้อาจารย์นั้น เราก็ไม่แน่ใจ”